เทคนิคการปลูก ไทรเกาหลี ให้ถูกวิธี
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพืชที่มีความทนน้ำและเปียกชื้นได้เป็นอย่างดี และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ที่จะปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อดักจับฝุ่นละออง หรือทำเป็นรั้วก็ได้ เป็นพืชในสกุลโทที่เรียกได้ว่ามีต้นกำเนิด มาจากทางตอนใต้ของจีนจนกระทั่งมาเลเซียนั่นเอง ด้วยลักษณะของไม้ถึงไม้พุ่ม ไม้ผลัดใบ อายุหลายปีเหล่านี้นั้นทุกส่วนของต้นไม้มีน้ำยางเป็นสีขาว เมื่อมีอายุมากแล้วนั้น รากอากาศแขวนลงมา ใบออกเป็นใบเดี่ยวและมีรูปนี้ถึงขอบขนานปลายใบ มีความแหลมโคนใบมนแผ่นใบดก ออกเวียนสลับรองกิ่งกันดอกออกตามซอกใบ เป็นช่อกลุ่มบนฐานรองดอกเดียวกันอีกด้วยและมีดอกย่อยจำนวนมากเลยทีเดียว
เทคนิคในการเลือกต้นไทรเกาหลี
สำหรับเทคนิคในการเลือกจะให้พิจารณาคือความสูง ซึ่งความสูงของต้นไทรดังกล่าวนั้นให้เราวัดด้วยตลับเมตร โดยการวัดจากจุดเริ่มต้นและนับเป็นความนิยมมากที่สุด คือ 1.5เมตร 2เมตร และ 3เมตรเป็นต้น รวมไปถึงความอ้วน ของต้นด้วย โดยเฉพาะทรงพุ่มไม้อ้วน เป็นการใช้ตลับเมตรวัดจากเส้นผ่าศูนย์กลาง โดยจะต้องอยู่ในช่วงของ 30- 40cm. หรือ 40-50cm. ในด้านของความแข็งแรงของต้นไทร ควรที่จะเลือกจากรากออกหรือยังหรือให้สังเกต จากการแตกหน่อหลังจาก 4-7 วันแล้ว ได้ทำการย้ายแปลงใบแล้วจะเริ่มเหลืองนั่นเอง
การปลูกต้นไทรเกาหลี
- เริ่มต้นจากการขุดหลุม ให้พอดีกับถุงที่จะปลูกและระยะปลูก ที่มีความเหมาะสมด้วยขนาดถุงจะอยู่ในราวๆประมาณ 8 นิ้ว และหลุมกว้าง 30 นึกถึง 20 ถึง 25 cm ขึ้นไปควรที่จะอยู่ในระยะเวลา การปลูก 3-4 ต้นต่อ 1 เมตร
- ให้ทำการแกะถุงสีดำที่เพาะชำออก
- ให้นำเอาปลูกลงไปภายในหลุมที่กำหนดไว้ โดยให้หมุนปลอมต้นไม้ด้านที่งามที่สุดไปข้างนอก และให้ทำการเริ่มต้นต้นไทรให้ตรงไม่เอียงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งแล้วก็เฉลี่ยระยะห่างของแต่ละส่วนให้เท่ากัน
- หลังจากนั้น ให้กบดินเดิมแล้วจับต้นให้ตั้งตรงและดินเดิม จะไม่เหมาะสมก็ตามควรที่จะหาดินสำหรับปลูกต้นไม้ นำมาหลบหลุมได้เหมือนกัน
- ให้ทำการรดน้ำ ให้เปียกแฉะในทันทีหลังจากที่ปลุกเสร็จ พร้อมด้วยการจัดระบบต้นไทรให้สวยงามเว้นช่องระยะให้ดี ในแต่ละต้นไม่ให้เอียงหรือเอนจนเกินไป
- หลังจากที่ปลูกทิ้งไว้ราว 10-15 วันแล้วให้ใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 โดยต้นละ 2 ช้อน
การดูและและบำรุงรักษา
ถึงแม้ว่าจะเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องดูแลใกล้ชิด ที่หลายๆคนมักเข้าใจผิด คิดว่าพืชต้องการความชื้น จึงต้องรดน้ำเยอะๆ ซึ่งแท้จริงแล้วพืชจะไม่ชอบความชื้นซึ่งแตกต่างจากพืชตระกูลเห็ด ใบเหลืองที่เกิดจากเพลี้ยจะต้องมีรอยแผลเหมือนในรูป ถ้าไม่มีรอยแผลถือว่าเป็นการผลิใบตามปกติ ทั้งนี้ต้องดูปริมาณด้วยว่าถ้ามีใบเหลืองเป็นจำนวนมากคงถูกเพลี้ยและเชื้อราเล่นงานจัดให้ อยู่ในพื้นที่ที่มีแสงแดดเกินกว่าครึ่งวัน
- รดน้ำวันละครั้ง ถ้าหากหน้าร้อนอาจให้เช้า–เย็น รวมเป็น 2 รอบ
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เมล็ดลงดินเดือนละครั้ง หากต้องการให้แตกใบสวยงามแนะนำให้ใช้เอ็นไซม์ธาตุอาหารพืชอีเรฟฉีดพ่น1-2 สัปดาห์/ครั้ง
- ควรตัดแต่งใบและกิ่งทุกๆ 45 วัน ถ้าตัดแต่งเป็นประจำเขาก็จะแตกใบให้หนาแน่น อีกอย่างถ้าต้องการให้ใบข้างล่างหนาแน่น ควรตัดยอดด้านบนโดยไม่ปล่อยให้ต้นสูงมากนัก คือจำกัดความสูงของเขาไว้ เพื่อให้เขาแต่ใบด้านข้างเยอะๆ ใบเขาก็จะแน่นเอง
- ฉีดพ่นป้องกันเพลี้ย เชื้อรา และโรคพืช อย่างน้อยเดือนละครั้ง เมื่อเกิดปัญหามีใบเหลืองร่วง อาการไม่ดี คล้ายๆว่าใกล้จะตายอยู่แล้วนั้น มักจะเกิดจากช่วงที่เพลี้ยและโรคพืชระบาด ให้ลองสังเกตุลักษณะทางกายภาพของต้นดูว่ามีใบเหลืองเยอะไหม และใบเหลืองนั้นมีรูหรือร่องรอยเชื้อราไหม และใบอ่อนที่แตกใหม่นั้นมีลักษณะม้วนๆอยู่ไหม ถ้าม้วนอย่างที่ว่า แสดงว่าเพลี้ยไฟกำลังระบาด จะต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วน ตัวช่วยปราบเพลี้ยและเชื้อราให้อยู่หมัด ซึ่งก็คือ เอ็นไซม์กำจัดเพลี้ยและเชื้อรา
วิธีการปลูกก็แสนที่จะได้ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลย และเป็นต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพที่สูงที่จะช่วยประดับบ้านหรือส่วนของคุณให้ดูดี มากยิ่งขึ้น จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรียกว่าตอบโจทย์ได้ อย่างน่าสนใจและลงตัวที่สุดเลยก็ว่าได้ สิ่งเหล่านี้นั้นค่อนข้างที่จะเป็นอะไรที่เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความลงตัวและโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดเจน และถือได้ว่านี่จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ลงตัวที่สุด และชัดเจนที่สุดอย่างเห็นได้ชัดเลยก็ว่าได้
Unlenlen.com -ไม้ประดับ
Facebook : Unlenlen.com – อ่าน เล่นๆ